• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by fairya, April 04, 2023, 04:30:16 PM

Previous topic - Next topic

fairya

1. ด้วยเหตุว่าพวกเรามิได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่ างเดียว

เราไม่ได้ดำเนินการแล้วแฮปปี้ทุกวี่ทุกวัน บ่อยที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าถ้าเกิดเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ดังเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราชอบจะก่อให้อารมณ์เบิกบานขึ้น แล้วก็ เพิ่มความมั่นใจ เพราะว่าการเฟลจากที่ดำเนินงานโดยมากมักทำให้เราเสียกำลังใจ และขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตนเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน รวมทั้ง อีกมากมาย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนพ้องคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก มุ่งมั่นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ เดี๋ยวนี้ดำเนินงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่เรานับถือที่สุดในที่ทำงานก็น่าจะหนีไม่พ้นเจ้านาย ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนาๆประการ อย่ างตัวเราเคยเจอทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำการทำงาน คอยสั่งคนโน่นคราวคนนี้ครั้ง แต่พอใช้ได้มองดูดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แม้กระนั้นคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะไม่ได้ไง ทำไมน่ะเหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเกลียดแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางครั้งก็อาจจะระรานกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


ถ้าหากให้แนะนำก็อย ากจะกล่าวว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนพาลบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ ามองว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้ดูในมุมที่ว่าถ้าเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ใดไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่มืดค่ำๆให้ผู้ที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากปฏิบัติงาน ก็อย ากไปเที่ยวเหมือนกันนั่นแหละ แม้กระนั้นแค่ออกหน้าพูดมากแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกดู

เพียงแค่เราพรีเซ็นท์งานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำต้องเอางานเราไปเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องใครกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มากมาย เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ าเป็นตัวของตัวเองเกินไปในโลกอินเตอร์เน็ต

คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แม้กระนั้นทราบรึเปล่าว่า HR สมัยปัจจุบันนี้นอกเหนือจากการที่จะดู resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย เพื่อนฝูงพวกเราที่เป็น HR รับรองมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นส่งผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำสุดกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างพวกเราเป็นไม่แตะต้องเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหัวหน้ามาเห็นก็ช่างเถิด


ถ้าหากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆชี้แนะให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาลำธารณพด้วย เพราะ ส่วนใหญ่คนภายในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่เขลา ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา พึงพอใจ ใส่ใจ แต่... อย่ าเก็บลู่วิ่งบุคคลอื่นมาอิจฉาริษยา

ช่วงปีให้หลังมานี้ สหายพวกเราหลายคนเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตนเอง บางครั้งเราเลื่อนดูหน้าเฟสและก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้เจริญ แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีมากกว่าพวกเราหรอกเผลอๆสหายผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางครั้งอาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็มิได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่พวกเราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น

จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา ทราบว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร รู้ดีว่าที่หมายพวกเราอยากได้อะไร ทราบดีว่าวันนี้พวกเราทำดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองทางวิ่งคนอื่นๆบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเราจริงจังกับชีวิตมากยิ่งขึ้น แต่ว่าอย่ าเก็บมาเอาใจใส่จนกระทั่งมีความทุกข์พอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งจะสะดุ้งไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้มีความหมายว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงหัวใจกับคนใดกันแน่ แม้กระนั้น... มีความหมายว่า " เราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) จำนวนมากปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้มากมายนี่ห้ามเสียท่าเลยจ้า มีคนรอซ้ำมากมายเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่เราดูว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้บอกว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝ่าฝืนตนเอง แต่... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกัน การที่เราดูแล้วรู้ว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะทำให้เราเป็นต่อมากมายๆนอกเหนือจากวางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่เคยทราบหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปปฏิบัติงานกับคนใด ด้วยเหตุนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต บางทีอาจได้วัวรจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความมุ่งมาดจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกกดดันสำหรับการทำงานสุดๆแต่เชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย าคำกล่าวมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันไม่ดีก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกไปเรื่อยๆโดนด่าปัจจุบันนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 มาก แม้จะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนจำนวนมากพร้อมจะให้อภัยเราเสมอ ด้วยเหตุนี้ ล้มเหลวไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามผิดแผกแตกต่างระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็คงจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม รวมทั้งการหาเพื่อนฝูงในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นมากแค่ไหน พวกเราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นแค่นั้น และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่แท้ดวงใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากขนาดไหน


นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างเราคือไปทำงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อน เพราะฉะนั้นวันๆพวกเราก็เลยจะเจอแค่เพื่อนร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนมากรวมทั้งเป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่พบทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องเฉพาะบุคคลรวมทั้งเรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างงี้ พวกเรามีความคิดว่ามันคือกำไรชีวิต พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ

คุยแลกความเซ็งก็ดี ให้เราลองถามตนเองว่า "ถ้าหากเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " สหายร่วมงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความไม่เหมือนระหว่าง " เพื่อนพ้อง " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็คงจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อนในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไร เราจะหาสหายย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่จริงจิตใจคนนึงในออฟฟิศมันย ากขนาดไหน นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปดำเนินการ มิได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อนพ้อง เพราะฉะนั้นวันๆเราจึงจะพบเพียงแค่เพื่อนร่วมกลุ่ม ซึ่งโดยมากรวมทั้งเป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่พบกลุ่มที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนตัวแล้วก็เรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนผู้ร่วมการทำงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างงี้ พวกเรามีความคิดว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ สนทนาแลกเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตนเองว่า "หากเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าอย ากบรรลุความสำเร็จ และก็ เป็นสุข ต้องเป็น " ลูกจ้างมือโปร " ให้ได้ พูดง่ายแม้กระนั้นทำย ากนะ เพราะว่าลูกจ้างมือโปรก็คือผู้ที่ตระหนักได้ว่า " เราถูกจ้างมาด้วยค่าจ้างปริมาณหนึ่ง " นั่นหมายความว่าบริษัทเค้าอยากอะไรบางอย่ างจากเราแลกกับค่าแรงนั้นๆ

พวกเราต้องรู้ดีว่าบริษัทว่าจ้างพวกเรามาทำอะไร รวมทั้ง ทำมันให้ดีมากกว่าที่บริษัทคาดหมายหากต้องการความรุ่งโรจน์ในหน้าที่ ถ้าหากงานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่สมควรอดทนทำไป


ควรหางานที่พวกเราทำแล้วพวกเราแฮปปี้แล้วก็ทำได้ดีเพื่อดึงความสามารถของตัวเองออกมาให้เยอะที่สุด นอกเหนือจากที่จะทำให้เราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังทำให้เราพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะรู้เองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าบุคคลอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าท้ายที่สุดเราพบสายอาชีพที่พวกเรารักแล้วก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าจ้างปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าตอบแทนจนกระทั่งเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ว่าจะต้องมีผลสรุปที่ดีตามออกมาด้วย ตัวอย่างเช่นได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปมองด้านหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ ในช่วงเวลานี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าพ่อแม่อายุเพิ่มขึ้นทุกวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย หากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แก่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสุขของพ่อแม่
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/