• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - damonshoppu

#226


ใครที่กำลังมองหาน้ำยาประสานคอนกรีต – กันรั่วซึมอยู่ แต่ไม่รู้จะเลือกประเภทไหนไปใช้ดี ไม่รู้ว่าคุณสมบัติที่น่าสนใจอะไรบ้าง เพื่อการนำไปใช้อย่างเหมาะสมรีบตามเรามาทางนี้เลย เพราะเราได้รวบรวมมาแนะนำด้วยกันถึง 4 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคยกันดีหรือไม่ ไปติดตามได้เลย

แนะนำ 4 ผลิตภัณฑ์น้ำยาประสานคอนกรีต – กันรั่วซึม

1. น้ำยาช่วยประสานคอนกรีตตราช่างใหญ่ FLEX-77

มีส่วนช่วยในการประสานหรือยึดเกาะคอนกรีตระหว่างของเก่าและของใหม่ สร้างความแข็งแรง ทนทานต่อมลภาวะต่าง ๆ ได้อย่างดี ช่วยเพิ่มความต้านทานแรงดัด ป้องกันการแตกร้าวได้ดีมากด้วย เหมาะกับการใช้ในงานปูกระเบื้อง งานฉาบ หรือเททับคอนกรีตใหม่บนพื้นเดิม ปรับระดับพื้น ไม่ทำให้ปูนหลุดร่อน พร้อมกันซึมได้ดีไปอีก มีขนาด 5 กก. ราคา 1,039 บาท

2. น้ำยาผสมกันรั่วซึม ตราจระเข้ ADMIX PROOF

ต่อกันที่น้ำยากันซึมตราจระเข้ ADMIX PROOF ที่สามารถผสมกับพื้นปูนป้องกันการรั่วซึมได้ เพิ่มคุณสมบัติการซึมได้ดี ลดปริมาณน้ำที่ใช้ผสมพื้น ทำให้พื้นปูนคอนกรีตแน่นหนามากขึ้น ทำให้คอนกรีตมีกำลังมากขึ้น เหมาะกับงานโครงสร้างคอนกรีตที่สัมผัสน้ำโดยตรง อย่าง บ่อเก็บน้ำ ห้องน้ำ หรือสระว่ายน้ำ ไม่ทำให้คอนกรีตแตกร้าว หรือแห้งแล้วจะหดตัว หรือแข็งตัว มีขนาด 5 ลิตร ราคา 168 บาท

3. น้ำยาช่วยประสานคอนกรีต LANKO 751

ต่อมาเป็นผลิตภัณฑ์ของ LANKO 751 ที่ช่วยประสานคอนกรีต เพิ่มความสามารถในการยึดเกาะของเก่าและของใหม่ได้ดี ลดการหดตัว รอยแตกร้าวที่พื้น ไม่ทำให้รั่วซึม และยังช่วยขัดสี นอกจากนี้ยังป้องกันชิ้นงานหลุดร่อน หรือผสมปูนเพื่อป้องกันการแตกร้าวได้ด้วย เหมาะกับการนำมาใช้งานอย่างที่สุด โดยมีขนาด 1 ลิตร ราคา 213 บาท

4. น้ำยาผสมคอนกรีตกันรั่วซึม BESBOND

ปิดท้ายกันที่ผลิตภัณฑ์น้ำยาผสมคอนกรีตกันรั่วซึม BESBOND ที่มีส่วนช่วยลดปริมาณน้ำที่ใช้ในการผสมคอนกรีตหรือซีเมนต์ได้ดี ทำให้มีความหนาแน่นมากขึ้น ช่วยเพิ่มกำลังให้แข็งแรง ช่วยกันรั่วซึม ไม่ว่าจะเป็นคอนกรีต หรือปูนฉาบ ลดรูพรุนที่มาจากการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอได้ดี เหมาะกับงานที่สัมผัสน้ำโดยตรง เช่น บ่อเก็บน้ำ สระว่ายน้ำ หรือห้องน้ำ โดยมีขนาด 5 ลิตร ราคา 258 บาท

และทั้งหมดนี้ก็เป็นบรรดาผลิตภัณฑ์น้ำยาประสานคอนกรีต – กันรั่วซึมที่น่าสนใจ พร้อมให้คุณซื้อไปใช้งานตอบโจทย์มากที่สุด กระนั้นอยากแนะนำให้อ่านและปฏิบัติตามวิธีการใช้งาน ข้อแนะนำ และคำเตือนต่าง ๆ ที่ระบุไว้ข้างบรรจุภัณฑ์ให้ละเอียด เลือกใช้งานให้ถูกต้อง ทั้งนี้ ต้องระวังในเรื่องการจัดเก็บที่ให้พ้นมือเด็ก สัตว์เลี้ยง และอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม ห้ามดัดแปลง แก้ไข และใช้สินค้าผิดประเภท หวังว่าการประสานคอนกรีต การกันรั่วซึมจะผ่านไปได้ด้วยดีมีประสิทธิภาพขั้นสุด
#227


หากจะเอ่ยถึงวัสดุหลักที่ใช้ทำฝ้าเพดาน ฝาผนังต่าง ๆ แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิปซั่มแผ่น (Gypsum) – สมาร์ทบอร์ดมักถูกนึกถึงมากที่สุด แต่ถึงแม้ทั้งคู่จะดูคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วก็มีความต่างที่หลากหลายแง่มุมการนำไปใช้มาก และหากคุณจำเป็นจะต้องใช้งานทั้ง 2 อย่างแล้วนั้น จำเป็นต้องรู้ความต่างทั้งคุณสมบัติ พื้นที่ใช้สอย และการติดตั้งกันหน่อย

ยิปซั่ม VS สมาร์ทบอร์ด ความแตกต่างหลากหลายแง่มุม

1. ด้านคุณสมบัติ

แผ่น Gypsum : จะมีลักษณะเป็นส่วนผสมของแร่ Gypsum ที่นำมาขึ้นเป็นแผ่น แล้วใช้กระดาษเหนียวประกบทับอัดแน่นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอกันหมด มีน้ำหนักเบา แต่ก็แข็งแรงทนทาน มีหลากหลายชนิดให้เลือกไม่ว่าจะเป็นรุ่นมาตรฐาน รุ่นกันร้อน รุ่นทนชื้น รุ่นทนไฟ รุ่นลดเสียงสะท้อน ฯลฯ

สมาร์ทบอร์ด :จะเป็นหลักษณะของแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ที่มีคุณภาพสูงด้วยส่วนประกอบหลายอย่างที่มีประสิทธิภาพ จากนั้นก็จะนำไปผ่านกระบวนการอบไอน้ำแรงดันสูง ทำให้ไม่แตกหักได้ง่าย มีความแข็งแรงทนทาน ทนได้ทั้งฝนและแดด ปลวกไม่กัดกินได้ ซึ่งก็มีหลายรุ่นให้เราเลือกด้วยเช่นกัน

2. พื้นที่ใช้สอย

แผ่น Gypsum : จะเหมาะกับงานฝ้าเพดาน หรือผนังภายในมากกว่า ด้วยความที่เรียบสวยงาม ดูแล้วเป็นระเบียบ ฝุ่นน้อย ใช้คัตเตอร์ตัดแต่งได้ง่าย เจาะก็ง่ายอีก ไม่ว่าจะเป็นฝ้าเพดาน ผนังห้องนอน ฝ้าหลุม ฝ้าเล่นระดับในห้องนั่งเล่น ฝ้าชายคา ฯลฯ

แผ่นสมาร์ทบอร์ด : จะเหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความทนทานพิเศษ มีส่วนช่วยรับแรงกระแทกได้ดี ไม่แตกหักง่าย ทนทาต่อฝนและแดด ปลวกไม่สามารถกัดกินได้ นำไปใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นฝ้าภายนอก ผนังตกแต่งภายนอก ฝ้าชายคา ฯลฯ

3. การติดตั้ง

แผ่นยิปซั่ม Gypsum : จะเหมาะกับการติดตั้งแบบฉาบเรียบ โดยเริ่มตั้งแต่การติดตั้งโครงคร่าว และตัวแผ่นที่ต้องการ จากนั้นก็ทำการฉาบรอยต่อของแผ่นได้เลย รวมถึงตรงส่วนหัวสกรูก็ต้องฉาบปูนเฉพาะของแผ่น Gypsum โดยเฉพาะ จากนั้นก็เอาสีน้ำอะคริลิกทาทับสร้างความสวยงาม

สมาร์ทบอร์ด : สามารถติดตั้งได้ในรูปแบบเส้นร่อง โดยอุดร่องรอยต่อที่มีระหว่างแผ่นด้วยกาวยาแนวโพลียูริเทน ส่วนเก็บหัวสกรูก็ใช้เป็นกาวยาแนวอะคริลิก แล้วทาสีอะคริลิกทับอีกที หรือจะเอากระเบื้อง เอาแผ่นลามิเนตมาปิดผิววัสดุอีกทีก็ได้ หรือจะติดตั้งรูปแบบฉาบเรียบก็ได้เช่นกัน

และทั้งหมดนี้ก็เป็นความต่างในหลายแง่มุมของการใช้งานยิปซั่มแผ่น และสมาร์ทบอร์ด โดยที่มีความต่างตั้งแต่เรื่องคุณสมบัติ พื้นที่ใช้สอย การติดตั้ง ที่หากเราจะใช้กับที่ไหนสักแห่งก็ควรเลือกให้ตอบโจทย์การใช้งานที่สุด เพื่อให้มีอายุการใช้งานยืนยาว ไม่เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาภายหลัง
#228


เชื่อว่าการใช้งานน้ำยาขจัดคราบที่มีความสามารถเพิ่มเติมอย่าง ดับกลิ่นด้วย ฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ได้ด้วย คงกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก และก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งหากจะซื้อผลิตภัณฑ์มาใช้ก็มักจะได้รับคำแนะนำให้เลือกECOLAB RTU ทว่ามีเหตุผลใดที่ช่วยสนับสนุนบ้าง ไม่รอช้ามีมาแนะนำเช่นเคย

เหตุผลที่ควรใช้น้ำยาขจัดคราบยี่ห้อ ECOLAB RTU

ต้องบอกเลยว่า ECOLAB RTU เป็นอีกหนึ่งน้ำยาช่วยทำความสะอาด ช่วยขจัดคราบที่มาในรูปแบบสเปรย์ ทำให้การใช้งานง่ายมากขึ้น สามารถฉีดบ้างได้เลยพร้อมใช้ ปลอดภัย ไม่ต้องใช้น้ำล้างใด ๆ เพราะแค่เราฉีดแล้วเช็ดพื้นที่มีสิ่งสกปรก มีกลิ่นเกาะอยู่ ก็สามารถจัดการให้กลับมาสะอาดเหมือนใหม่แล้ว

นอกจากจะช่วยขจัดคราบสิ่งนี้ก็ยังถือเป็นสเปรย์ฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ในคราวเดียวด้วย ไม่ว่าจะนำไปใช้ร่วมกันลูกบิดประตู ภายในลิฟต์ โต๊ะรับประทานอาหาร หรือพื้นผิวสัมผัสที่มีอาหารวางก็ได้ ใช้กับที่พัก หรืออาคารสำนักงานได้หมด ฉีดเช็ดแล้วไม่ต้องเอาน้ำมาล้างตามแต่อย่างใดด้วย เพิ่มความสะดวกสบายได้ทุกที่ทุกเวลาไม่จำกัด

- เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฆ่าเชื้อได้ภายใน 15 วินาที ส่วนการฆ่าเชื้อโรคอื่น ๆ แค่ 1 นาทีก็จัดการเสร็จสิ้น
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดคราบ ดับกลิ่น และฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ในคราวเดียวกัน
- เป็นหัวฉีดสเปรย์ดับกลิ่น ฆ่าเชื้อ ขจัดคราบที่ใช้งานได้สะดวกสบาย นำไปฉีดที่ไหนได้หมดทุกที่ไม่ปิดกั้น
- ปลอดภัย คุณสามารถนำไปใช้ได้กับทุกพื้นผิวที่ต้องสัมผัสอาหาร ไม่จำเป็นต้องล้างน้ำตาม เช็ดแล้วใช้วางอาหารได้เลย มีการรองรับจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดย EPA No. 1677-259

ข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

เผื่อว่าใครอยากได้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานก็ต้องบอกเลยว่าง่ายมาก เพียงคุณฉีดพ่นไปบนพื้นผิวที่ต้องการทำความสะอาด หรือที่ต้องการฆ่าเชื้อ จากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ 5 นาที พร้อมใช้ผ้าสะอาดมาเช็ดออก โดยที่เว้นระยะห่างในการฉีดพ่น 30 ซม. แล้วฉีดพ่นค้างไว้ 10 วินาที

ทั้งนี้มีสิ่งที่ต้องระวังในการใช้งานอยู่ด้วยที่แน่ ๆ คือห้ามกินอยู่แล้ว และต้องเก็บให้พ้นมือเด็ก สัตว์เลี้ยง รวมถึงแสงแดด ระวังไม่ให้เข้าตา หากเข้าก็ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดจนหายระคายเคือง หรือทุเลาลง ที่สำคัญต้องเก็บให้ห่างจากบริเวณที่ความร้อนสูง หรือห่างจากเปลวไฟด้วย

น้ำยาขจัดคราบ ดับกลิ่น รวมถึงฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ ECOLAB RTU แบบสเปรย์นี้คงเป็นทางเลือกในการจัดการสิ่งสกปรกให้ห่างไกลได้ดี โดยที่มีขนาด 500 มล. ในราคา 335 บาท ใครที่ทำอาหารบ่อย หรือมีสิ่งสกปรกมาเกาะติดเยอะ เป็นประจำ ต้องมีสักขวดไว้ใช้งานแล้วจริง ๆ ห้ามมองข้ามเด็ดขาด
#229


ในส่วนของการขจัดคราบบนพื้นนั้นแต่ละประเภทก็มีวิธีการที่ต่างกันออกไป และหากใครที่ใช้พื้นลามิเนตอยากได้การทำความสะอาด การขจัดคราบอย่างเหมาะสม ถูกวิธี เรารวบรวมมาแนะนำอย่างเจาะลึก รับรองว่าจะได้พื้นสวยสะอาดเหมือนเดิมแน่นอน ซึ่งวิธีการจะทำอย่างไรนั้นไปดูกันได้เลย

การขจัดคราบสกปรกบนพื้นลามิเนตที่เหมาะสม ถูกวิธี

1. ขจัดคราบหมากฝรั่งด้วยมีดพลาสติก

อย่างแรกก็คือการจัดการคราบหมากฝรั่งที่ออกได้อย่างหมดจด คือการนำเอามีดพลาสติกมาขูด ๆ ออก และหากหลงเหลืออยู่ก็ให้เอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดพื้นผิวได้เลย ห้ามใช้มีดที่เป็นโลหะเด็ดขาด เพราะความเป็นโลหะจะคมมากเกิน เกิดรอยขีดข่วนที่พื้นได้ง่ายมาก

2. ขจัดคราบครีมขัดรองเท้า น้ำยาทาเล็บ ดินน้ำมัน

ต่อมาคือการขจัดคราบครีมขัดรองเท้า น้ำยาทาเล็บ ดินน้ำมันที่นอกจากจะมีบนพื้นแล้ว ที่ตัวจบขอบประตูก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ วิธีการขจัดคราบเหล่านี้ให้เอาน้ำยาล้างเล็บที่มีอะซิโตนเป็นส่วนผสมมาหยดไปที่ผ้าไมโครไฟเบอร์เล็กน้อย แล้วเช็ดคราบต่าง ๆ ให้หลุดออก จากนั้นก็เอาผ้าไมโครไฟเบอร์ไปชุบน้ำมาเช็ดซ้ำ

3. ขจัดคราบเลือดด้วยน้ำยาเช็ดกระจก

ต่อมาก็คือการขจัดคราบเลือดโดยให้ใช้เป็นน้ำยาเช็ดกระจกมาจัดการ โดยเลือกฉีดพ้นไปบริเวณที่มีคราบเลือดแล้วเช็ดออกเลยทันที จากนั้นก็เอาผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาด ๆ มาเช็ดซ้ำ ผ้าที่ใช้แนะนำเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์ และยิ่งเช็ดทำความสะอาดเร็วเท่าไหร่คราบก็ออกง่ายมากเท่านั้น

4. ขจัดคราบไขมันด้วยน้ำแข็ง

หากที่พื้นชนิดนี้ หรือตัวจบเก็บขอบต่าง ๆ เกิดเป็นคราบไขมันขึ้นมาให้เอาถุงประคบเย็น หรือถุงแช่แข็งมาวางไว้ที่บริเวณคราบไขมันได้เลย จนกว่าคราบจะแข็งตัว และค่อยเอามีดพลาสติกมาขูดออก จากนั้นก็ฉีดพ่นน้ำยาเช็ดกระจกลงที่คราบแล้วเอาผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดซ้ำ

5. ขจัดไวน์ สีเทียน โซดา หรือหมึก

ด้วยการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์มาชุบน้ำแล้วบิดหมาดได้เลย และหากเป็นคราบสีเทียนควรใช้เป็นน้ำมันก๊าดเทลงพื้นก่อน หากเป็นคราบหมึกติดแน่นให้ใช้เป็นน้ำยาล้างจาน หรือน้ำยาลบหมึกมาหยดที่ผ้าเล็กน้อย พร้อมเช็ดทำความสะอาดได้เลยหมดจด

จะเห็นได้เลยว่าการทำความสะอาดขจัดคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ของพื้นลามิเนตไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแต่เราต้องเข้าใจในคราบสิ่งสกปรกที่มี และใช้สิ่งที่ตอบโจทย์มาจัดการทำความสะอาด ก็ช่วยให้คราบหาย พื้นสะอาดมากขึ้น ได้พื้นกลับมาเหมือนใหม่ง่าย ๆ
#230


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความสนใจอยากซื้อเครื่องฉีดน้ำมาใช้งาน อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจไปได้ เพราะก่อนจะซื้อมีสิ่งที่ควรต้องพิจารณาอยู่ด้วย และเพื่อให้การเลือกซื้อใช้งานผ่านไปได้ราบรื่นมากที่สุด เราไม่รอช้าที่จะพาทุก ๆ คนไปศึกษาพร้อมกันอย่างละเอียด ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามได้

ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องฉีดน้ำต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้

1. เรื่องของ Flow น้ำ และแรงดัน

อย่างแรกที่ต้องเข้าใจก่อนหากสนใจเลือกเป็นเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ก็ต้องพิจารณาเรื่องของสเปคเครื่องฉีด ต่อมาคือแรงดันที่จะมีหน่วยเป็น PSI หรือเป็น BAR โดยที่ส่วนใหญ่จะบ่งบอกถึงความแรงได้อย่างดี กระนั้นเรื่อง Flow น้ำสำคัญ เพราะหากมีแรงดันสูงจริงแต่ Flow ไม่เพียงพอก็ฉีดได้ไม่แรงเท่าที่ควร แต่หากเป็น Flow น้ำลิตรเยอะ ขดลวดใหญ่เพราะกำลังดึงน้ำมากราคาก็จะแพงตามไปด้วย

2. ประเภทของมอเตอร์

สิ่งต่อมาที่มองข้ามไปไม่ได้ก็คือเรื่องของมอเตอร์ ที่โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

- มอเตอร์ไร้แปรงถ่าย หรือเหนี่ยวนำ : ที่จะใช้งานได้ยาวนาน ทนทาน กินไฟน้อย แต่ก็จะมีน้ำหนักมาก และราคาสูงกว่าแบบปกติ
- มอเตอร์แปรงถ่าย หรือ ยูนิเวอเซล มอเตอร์ : ที่จะมีน้ำหนักเบา ใช้แบบต่อเนื่องได้ไม่นานมาก โดยเฉพาะแบบอะลูมิเนียม ทั้งมีรอบหมุนสูง และเสียงค่อนข้างดัง

3. งบประมาณที่มี

เรื่องงบประมาณที่เรามีต้องสอดคล้องกับราคาเครื่องที่ต้องการด้วย หากเป็นแบบเครื่องแรงดันสูงมีสาย ก็จะถูกกว่าเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงไร้สาย เพราะจะเคลื่อนย้ายได้สะดวกสบายมากขึ้น แต่กระนั้นก็ต้องคำนึงถึงการใช้งาน วัสดุที่ทำด้วย เพราะหากเป็นสิ่งที่มีคุณภาพราคาก็จะสูงตาม ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูที่ความเหมาะสมในการใช้งานด้วย เพราะบางครั้งอาจเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์

4. ใครคือผู้ใช้งาน

สุดท้ายก็คือเรื่องของใครที่เป็นคนใช้งานเครื่องที่ว่านี้มากที่สุด เพื่อให้การใช้สอยมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เป็นแม่บ้านงานควรต้องประกอบง่าย น้ำหนักเบาเพื่อการเคลื่อนย้ายสะดวก หรือคุณผู้ชายใช้งานบ่อย ใช้หลายชั่วโมงก็ต้องเลือกเครื่องที่มีเครื่องปั๊มน้ำตั้งเลยไม่ต้องยกเข้า – ออก หรือต้องใช้สายฉีดแรง ๆ มีความยาวเพียงพอ ฯลฯ

มาถึงตรงนี้เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุก ๆ คนจะเกิดความเข้าใจในการเลือกซื้อเครื่องฉีดน้ำใช้งานมากขึ้น ทั้งนี้ คุณควรพิจารณาดูเรื่องการรับประกัน หรือการดูแลหลังการขายด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการมากขึ้น เผื่อว่าเครื่องมีปัญหา หรือเครื่องชำรุดต้องรับการซ่อมแซมก็จะได้มีการดูแลที่รวดเร็ว ราบรื่นมากที่สุด และไม่เกิดปัญหาซ้ำซ้อนได้
#231


เชื่อว่ามีหลายคนที่จำเป็นต้องใช้งานถุงมือยาง หรือแบบพลาสติกก็ตาม และด้วยความที่ถุงมือนั้นมีให้เราเลือกได้หลากหลายชนิดมาก ทั้งยังมีที่เป็นแบบมีแป้ง – ไม่มีแป้งด้วย ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาอธิบายสร้างความเข้าใจมากขึ้น เพื่อการซื้อใช้งานที่ตอบโจทย์ต่อตนเองและการงานมากที่สุด ซึ่งจะเป็นอย่างไร จะแตกต่างกันมากขนาดไหน ไปดูกันเลยดีกว่า

ความแตกต่างของถุงมือยาง VS พลาสติกที่ควรรู้

1. ถุงมือจากยางสังเคราะห์ไนไตรล์

อย่างแรกก็คือเป็นประเภทของถุงมือแบบยางที่สังเคราะห์ด้วยไนไตรล์โดยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทนทานต่อสารเคมี ทำให้ได้รับความนิยมในการใช้งานอย่างมาก มีหลากหลายสีสันให้เลือกด้วย แต่ก็จะมีความยืดหยุ่นที่ไม่มากเท่าถุงมือแบบยางธรรมชาติ

2. ถุงมือ PVC

ถุงมือ PVC เป็นการใช้ยางสังเคราะห์ Polyvinyl chloride ที่ช่วยป้องกันอันตรายจากการสัมผัสสารเคมีได้โดยตรง ลักษณะจะมีความเป็นเหมือนกระจกฝ้า ใสแต่ก็กึ่งขุ่นด้วย และด้วยความที่สารไขมันจะทำให้พลาสติกยืด หรือนิ่มละลายออกมาได้ก็เลยไม่เหมาะกับการใช้สัมผัสอาหารประเภทไขมัน

3. ถุงมือจากยางธรรมชาติ

หากสังเกตตามลักษณะทางกายภาพก็จะสังเกตได้ว่ามีสีขาวครีม ยืดหยุ่นได้ดี เมื่อใส่มือแล้วจะมีความกระชับมาก ตามร้านขายยาก็มีให้เราเลือกซื้อได้เลย ส่วนใหญ่มักนำมาใช้ในทางการแพทย์ ทั้งนี้ก็จะมีให้เลือกทั้งที่เป็นแบบมีแป้ง และไม่มีแป้ง

- แบบมีแป้ง : จะช่วยปกป้องมือจากสารเคมีได้ ส่วนใหญ่เป็นแป้งข้าวโพด หากมือมีเหงื่อมากก็ยังทำงานได้คล่องแคล่วอยู่ เพราะแป้งจะดูดซับความชื้นในขณะที่เราสวมใส่ได้ดี ช่วยให้หล่อลื่นดี
- แบบไม่มีแป้ง : ความหนาของถุงมือจะบางกว่าแบบมีแป้ง รู้สึกเหมือนเราไม่ได้ใส่ถุงมือ มีความกระชับแนบชิดดี มีความเหนียว ทนทาน ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย

4. ถุงมือแบบพลาสติก PE

หรือที่เราคุ้นเคยกันดีกับถุงมือพลาสติกที่ใช้เวลาย้อมผม ที่จะเป็นการทำจากพลาสติกเนื้อดีเลย จับแล้วไม่เปื้อนติดมาก ส่วนมากใช้ในการจับอาหารมัน หรือที่มีรสเปรี้ยวได้ เช่น ร้านข้าวขาหมู ร้านข้าวมันไก่ ร้านก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับประเภทถุงมือยาง ถุงมือแบบพลาสติกที่มีให้เราได้เลือกใช้งาน แต่ละประเภทน่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว แต่การซื้อมาใช้ก็ควรให้เหมาะสมที่สุดด้วย เพื่อการที่งานที่ตอบโจทย์มากที่สุด หวังว่าต่อจากนี้การซื้อถุงมือใช้งานของทุกคนจะผ่านไปได้ราบรื่น
#232


เมื่อพูดถึงเก้าอี้สำนักงานแล้วอีกหนึ่งชิ้นส่วนอย่างลูกล้ออาจมีบางคนที่หลงลืมไปทั้งที่จริงค่อนข้างมีความสำคัญอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นส่วนที่ช่วยให้เราเคลื่อนที่ง่ายมากขึ้น กระนั้นสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ก็คือเรื่องของขนาดและความสามารถในการรับน้ำหนักของลูกล้อ และเพื่อให้การใช้งานเหมาะสม เลือกได้ตรงสเปคเราไม่รอช้ามีมาบอกต่อ

ขนาดและความสามารถในการรับน้ำหนักข้อลูกค้าเก้าอี้สำนักงาน

ต้องอธิบายก่อนเลยว่าแต่ละเก้าอี้ทำงานนั้นจะมีประเภทลูกล้อที่ใช้แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ผู้บริหาร เก้าอี้พนักงานทั่วไป เก้าอี้ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ซึ่งเราควรรู้ว่าเก้าอี้ที่เราจะใช้งานเป็นลักษณะไหน และเมื่อพูดถึงขนาดและความสามารถในการรับน้ำหนักของลูกล้อแล้วนั้นจะมีปัจจัยที่สำคัญที่เราต้องรู้ คือ

- ประเภทของวัสดุที่ใช้ทำลูกล้อ ไม่ว่าจะเป็น ลูกล้อไนลอน ลูกล้อคู่ไฟเบอร์ หรือลูกล้อบอล
- ขนาดของลูกล้อที่ใช้งานว่ามีขนาดเท่าไหร่ เช่น 1 นิ้ว 1.5 นิ้ว 2 นิ้ว โดยที่แต่ละขนาดมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ต่างกันออกไป โดยลูกล้อขนาด 1.5 นิ้ว สามารถรับน้ำหนักได้ 30 กก. เว้นแต่ลูกล้อ 1.5 นิ้ว ที่มีลักษณะเป็นทรงเรียบหรือลูกล้อไฟเบอร์คู่เรียบ จะมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ 20 กก. ต่อล้อเท่านั้น ส่วนลูกล้อที่มีขนาด 2 นิ้วที่ถือว่าใหญ่สุดจะมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ 40 กก. ยกเว้นที่เป็นลูกล้อคู่ไฟเบอร์ หรือทรงเรียบที่จะสามารถรับน้ำหนักได้ 25 กก. ต่อล้อ

อย่างไรก็ตาม ในการใช้งานเก้าอี้ที่สำนักงาน เก้าอี้พนักงาน หรือเก้าอี้คอมพิวเตอร์ใด ๆ แล้วจะต้องคำนึงถึงพื้นผิวสัมผัสด้วย ถามว่าลูกล้อแบบไหนควรใช้กับพื้นผิวลักษณะใด

- เก้าอี้ที่ต้องใช้กับกระเบื้อง = แนะนำให้ใช้ลูกล้อยูรีเทน ไม่ทำให้เกิดรอย ไม่มีเสียงรบกวน
- เก้าอี้ที่ต้องใช้กับพื้นไม้สำเร็จรูป = แนะนำลูกล้อยางธรรมชาติ ไม่ทำให้เกิดรอย ไม่มีเสียงรบกวน
- เก้าอี้ที่ต้องใช้กับงานที่ต้องอยู่ในแล็ป หรืองานช่าง = แนะนำลูกล้อที่ผลิตจากเหล็ก หรือเหล็กเคลือบยูรีเทน และไนลอน ทนทานต่อการกัดกร่อน และอุณหภูมิห้องที่อาจเย็นจัด
- เก้าอี้ที่ต้องใช้กับพื้นพรม = แนะนำลูกล้อยางธรรมชาติ ไม่ทำลายพื้นพรม ไม่เกิดคราบสกปรก

เมื่อมีความสนใจอยากซื้อเก้าอี้สำนักงานอย่ามองข้ามเรื่องของลูกล้ออย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะขนาดและความสามารถในการรับน้ำหนัก รวมถึงพื้นผิวที่ต้องใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ทำให้การเคลื่อนที่ไปมาของเรามีความคล่องตัวมากขึ้น เกิดความสะดวกสบายมากขึ้นไปอีก ซึ่งหากใครที่จะซื้อใช้งานก็ลองนำไปปรับใช้ดูกันได้เลย
#233


การใช้งานถังเก็บน้ำในปัจจุบันนั้นต้องยอมรับว่ามีให้เราเลือกใช้งานหลากหลายผู้ผลิต แต่ก่อนที่จะเลือกซื้อได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ที่ควรรู้ เพื่อการใช้งานที่ตอบโจทย์ และปลอดภัยต่อสุขภาพด้วย แต่จะมีเรื่องไหนที่ควรรู้บ้างนั้น ไปติดตามพร้อมกันกับเราเลยดีกว่า

4 เรื่องเกี่ยวกับถังเก็บน้ำที่ควรรู้ ใช้งานคุ้มค่า สุขภาพแข็งแรง

1. ประเภทของถังและการทำความสะอาด

โดยทั่วไปแล้วนั้นมีให้เลือกได้ 2 ประเภทด้วยกัน คือ ถังเก็บใต้ดิน ที่จะเหมาะกับใครที่พื้นที่ใช้สอยจำกัด อยากได้ความเป็นระเบียบ แต่ก็จะมีขั้นตอนการติดตั้งที่ยุ่งยาก และต้องดูแลรักษาสม่ำเสมอ ค่าใช้จ่ายสูง ส่วนถังเก็บบนดินที่ง่ายต่อการซ่อมแซม ต่อการทำความสะอาด ช่วยประหยัดงบประมาณได้ดีเลยทีเดียว

2. การทำความสะอาดถังที่ถูกวิธี

- ถังเก็บใต้ดิน : ปิดวาล์วท่อระบายเอาน้ำออก ปิดเบรกเกอร์ด้วย ทำความสะอาดภายในถังด้วยแปรง ฉีดน้ำเอาตะกอนออก เปิดวาล์วให้น้ำเข้าไปใหม่ทำซ้ำจนกว่าจะสะอาดมั่นใจ ใส่คลอรีนไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลิตร ฆ่าเชื้อ แล้วเอาคลอรีนออกจากถังให้หมด เปิดวาล์วใส่น้ำในถังได้เลย
- ถังเก็บบนดิน : ให้ปิดวาล์วแล้วเปิดรูระบายปล่อยเอาน้ำที่ค้างออก แล้วทำความสะอาดด้วยแปรงขัดคราบ เอาให้สะอาด แล้วฉีดน้ำไล่ตะกอน พร้อมใส่คลอรีนความเข้มข้นไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลิตร แล้วล้างเอาออกให้หมด ก่อนตากถังจนแห้ง

3. การคำนวณถังที่เหมาะสม

ก่อนที่จะเลือกแทงค์น้ำให้บ้านของเราได้นั้น สิ่งที่สำคัญคือขนาดของถังที่เหมาะสม เพียงพอต่อสมาชิกภายในบ้าน แนะนำว่าให้เริ่มต้นคำนวณถังที่เหมาะสมก่อนเสมอ โดยเฉลี่ยคน 1 คนจะใช้น้ำที่ 200 ลิตรต่อวัน โดยวิธีการคำนวณนั้นง่ายมาก ๆ สูตรคือ เอาจำนวนสมาชิกในบ้าน (คน) x 200 (ลิตร) = ขนาดของถังที่เหมาะสมกับการใช้งาน (ลิตร)

4. แนะนำตารางสมาชิก + ความจุของถัง

เผื่อว่าใครที่ไม่อยากคิดเยอะ จริง ๆ ก็สามารถเลือกซื้อถังพักน้ำได้ตามขนาดความจุเหล่านี้ได้เลย (เป็นการคาดคะเน) เพื่อให้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปนั้นจะแบ่งออกเป็น

- จำนวนสมาชิก 1 – 2 คน แนะนำเลือกขนาดถังเก็บขนาด 550 ลิตร
- จำนวนสมาชิก 3 – 4 คน แนะนำเลือกขนาดถังเก็บขนาด 700 ลิตร
- จำนวนสมาชิก 4 – 5 คน แนะนำเลือกขนาดถังเก็บขนาด 1,000 ลิตร
- จำนวนสมาชิก 6 – 8 คน แนะนำเลือกขนาดถังเก็บขนาด 1,500 ลิตร
- จำนวนสมาชิก 9 – 11 คน แนะนำเลือกขนาดถังเก็บขนาด 2,500 ลิตร

อย่าลืมที่จะเลือกซื้อถังเก็บน้ำที่มีมาตรฐานความปลอดภัยรองรับด้วยอย่าง มอก. เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในการเลือกซื้อใช้งาน หวังว่าการมีถังน้ำไว้ใช้งาน จะสามารถช่วยเก็บน้ำเพียงพอต่อสมาชิกทุกคนได้ใช้งานราบรื่น
#234


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความสนใจอยากซื้อ อยากใช้งานเครื่องตัดหญ้า อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจตามคนแนะนำหากยังไม่รู้ด้วยตัวเองว่าแท้จริงนั้นมีให้เราเลือกถึง 3 ประเภทใหญ่ ๆ เลยทีเดียว และวันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลมาให้ศึกษา เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกได้เครื่องที่ตอบโจทย์มากที่สุด

แนะนำ 3 ประเภทเครื่องตัดหญ้า เพื่อการใช้งานที่ตอบโจทย์

1. เครื่องตัดที่ใช้แรงคน

เครื่องตัดประเภทนี้นั้นจะมีการใช้เฟืองในการขับเคลื่อนชุดมีด และใช้พลังงานในการขับเคลื่อนซึ่งก็คือแรงคนนี่เอง ซึ่งก็จะมีเสียงในการรบกวนเมื่อใช้งานด้วย โดยที่เหมาะกับพื้นที่ตัดหญ้าที่ไม่กว้างใหญ่มาก ค่อนข้างใช้เวลา และใช้แรงมากพอสมควร แต่ด้วยราคาที่ถูกที่สุดก็ทำให้มีหลายคนลังเลในการใช้งานไม่น้อย

2. เครื่องตัดแบบใช้น้ำมัน – เครื่องยนต์

เป็นเครื่องตัดที่มีให้เลือกแบ่งออกเป็น 2 ชนิดได้เลย ก็คือเป็นเครื่องตัดแบบ 2 จังหวะ และเครื่องตัดหญ้า 4 จังหวะ ขึ้นอยู่กับความถนัดที่แต่ละคนมี สามารถผ่อนแรงคนไปได้ดี ไม่เหนื่อย สู้รบกับหญ้ายาว ๆ ได้ไม่มีปัญหา ส่วนเครื่องที่ใช้น้ำมันก็จะแบ่งได้ 2 ประเภทย่อย ๆ ไปอีก คือ

- เครื่องตัดแบบสะพายบ่า : เหมาะกับหญ้าที่ต้นสูง เช่น หญ้าคาตามถนน ไม่เหมาะกับการใช้ภายในบ้านเพราะต้องสะพายไว้ที่บ่า สะพายนานก็แอบเมื่อยได้ และต้องให้คนที่ชำนาญมาก ๆ มาใช้งานด้วย ไม่อย่างนั้นเสี่ยงเศษกรวดเศษหญ้ากระเด็นใส่
- เครื่องตัดแบบนั่งขับ หรือรถเข็น : มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กให้ใช้งาน ซึ่งจะใช้เป็นน้ำมันเบนซิน และส่วนใหญ่เป็นแบบ 4 จังหวะ ทั้งยังมีผู้ผลิตหลายเจ้าที่พัฒนาให้มีถังเก็บหญ้าให้ด้วย

3. เครื่องตัดแบบใช้ไฟฟ้า

ปิดท้ายอีกประเภทก็คือเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าซึ่งค่อนข้างแพร่หลายมากที่สุด เพราะสามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากที่บ้านได้เลย โดยทั่วไปมีให้เลือกอีก 2 ประเภทย่อย ๆ คือ

- เครื่องแบบลอยตัว : ที่จะไม่มีล้อ ใช้งานมอเตอร์สูง โดยจะหมุนปั่นลมที่ติดใบมีดให้เครื่องถูกแรงลมยกลอยขึ้น ทำให้รู้สึกเบาเวลาตัดหญ้า เข้าซอกเล็กซอกน้อยได้ มีทั้งแบบมีกล่องและไม่มีกล่องเก็บหญ้าสามารถเอียงเครื่องตัดตามความโค้งของเนินได้
- เครื่องแบบมีลูกล้อ : ที่สามารถปรับระดับความสูงต่ำของใบมีดได้ มีคันโยกเปลี่ยนระดับล้อได้ตามต้องการ แต่มอเตอร์จะมีรอบความเร็วที่ไม่มาก เพราะแรงจะเอาไปใช้เพื่อหมุนใบมีดตัดหญ้าอย่างเดียว

เครื่องตัดหญ้าทั้ง 3 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันอยู่ เราสามารถเลือกใช้งานได้เลยตามต้องการไม่มีผิดถูก เอาที่คิดว่าตอบโจทย์มากที่สุดทั้งการใช้งาน ทุนทรัพย์ และสถานที่ตัดหญ้า หวังว่าจะได้ตัดหญ้ากันอย่างราบรื่นนะทุกคน..
#235


หากจะเอ่ยถึงนวัตกรรมการซักผ้าที่ง่ายมาก ๆ "น้ำยาซักผ้า" เรียกได้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้การซักผ้าไม่ต้องเลอะมืออีกต่อไป เพราะแค่เราเทจากขวดก็ใช้งานได้แล้ว ไม่ต้องตักให้เลอะ แต่กระนั้นหากใครจะใช้งานก็ต้องใช้ให้ถูกหลักด้วย เพื่อความปลอดภัยต่อผิวของเรา ซึ่งจะต้องใช้อย่างไรนั้นบางคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน เราไม่รอช้าขอพาไปศึกษาเลย

น้ำยาซักผ้ากับการใช้งานให้ถูกหลัก เพื่อผิวสุขภาพดี

1. ไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาน้อยกับเครื่องซักคุณภาพสูง

มีหลาย ๆ คนที่เลือกใช้เครื่องซักผ้าที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพสูง แต่กลับมาใช้น้ำยาซักที่ปริมาณน้อยเกินไป ซึ่งคงไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน เพราะหากเราใส่น้ำยาซักที่น้อยเกินไปแต่เสื้อผ้าเยอะ ถังใหญ่ โอกาสที่จะทำความสะอาดก็ไม่ทั่วถึงได้ และต้องซักผ้าใหม่ไปอีก

2. ตรวจสอบปริมาณที่แนะนำข้างขวดบรรจุภัณฑ์

เป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนอาจมองข้ามแต่หากจะใช้น้ำยาซักแทนผงซักฟอกเราจำเป็นต้องศึกษาปริมาณข้างขวดบรรจุภัณฑ์ให้ถี่ถ้วน เพราะปกติแล้วจะมีจำนวนที่เหมาะสมบอกอยู่ว่าผ้ากี่ชิ้นเหมาะกับน้ำยาปริมาณเท่าไหร่ ความสกปรก รวมถึงปริมาณน้ำที่ควรใส่ เพื่อให้การใช้น้ำยาซักมีประสิทธิภาพทำความสะอาดเสื้อผ้าดีที่สุด

3. ตรวจสอบดูว่าน้ำยาซักสามารถจัดการคราบได้จริงไหม

เราจำเป็นต้องตรวจสอบดูด้วยว่าน้ำยาซักที่เราจะใช้งานนั้นมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบได้มากน้อย เพราะหากเราเลือกใช้น้ำยาที่มีสารช่วยขจัดคราบเป็นส่วนผสมอยู่ก็จะช่วยให้ความสามารถในการขจัดคราบเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องซักหลายรอบให้เสียเวลา เสียค่าน้ำ

4. อย่าเลือกที่มีราคาถูกเกินไป

เราจำเป็นต้องเลือกใช้งานน้ำยาซักที่ถือเป็นแฟ้บซักผ้าที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยราคาที่เหมาะสม เป็นราคาตามท้องตลาดกลาง อย่าเห็นกับราคาที่ถูกเกินไป เพราะประสิทธิภาพการทำความสะอาดอาจไม่ได้ดีที่สุด อาจจะขาดส่วนผสมที่สำคัญในการช่วยทำความสะอาดก็เป็นได้ กลายเป็นว่าต้องซักหลายรอบ และจะเหมือนข้อ 3 คือเสียเวลา เสียค่าน้ำ

5. อย่าหวังพึ่งน้ำยาซักอย่างเดียว

ในการใช้งานน้ำยาซักก็เป็นส่วนหนึ่งแต่ก็อย่ามาหวังพึ่งสิ่งเดียวในการขจัดคราบ คุณควรเลือกศึกษาวิธีขจัดคราบรูปแบบอื่นช่วยด้วย เพื่อให้การทำความสะอาดผ้าเป็นไปได้ด้วยดี ไร้สิ่งสกปรกกวนใจ หรือต้องซักหลายรอบ

ปัจจุบันมีการผลิตน้ำยาซักผ้าหลากหลายแบรนด์เลยทีเดียว แนะนำว่าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อควรศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบถ้วน อาจจะดูรีวิวจากผู้ใช้งานจริงก่อนประกอบการตัดสินใจก็ได้ เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด นอกจากช่วยให้เสื้อผ้าสะอาดแล้ว ผิวกายของเราก็ไม่มีปัญหาภายหลังด้วย